บทความรีวิว SENNHEISER GSX 1000
สวัสดีครับนักฟังทุกท่านและแล้วผมก็ได้มีโอกาสกลับมาพบกับทุกท่านอีกครั้งนะครับ เป็นกันอย่างไรบ้างครับ เข้าสู่หน้าฝนแล้วดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ นอกจากเรื่องไข้หวัดแล้ว ระวังเรื่องอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นทั้งทางตรง และทางอ้อม กันด้วยนะครับ ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุแล้วไม่สามารถป้องกันได้จริงๆ ทำได้แค่ระวังจริงๆครับ
สำหรับบทความในครั้งนี้ผมมาตามสัญญาที่เคยได้บอกไว้ในบทความ “Gaming System” ครั้งที่แล้วว่า ผมจะมาเขียน รีวิวอุปกรณ์ “Gaming System” แต่ละตัวในโอกาสถัดไป ซึ่งในครั้งนี้ผมจะมาเขียนรีวิวเกี่ยวกับเจ้า “SENNHEISER GSX 1000” ที่เป็น “Audio Amplifier” จากแบรนด์ดังอย่าง “SENNHEISER” กันครับ ซึ่งเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นทั้ง DAC และ Amplifier ในตัวนะครับ และผมต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะครับว่ารีวิวนี้ผมค่อนข้างที่จะเทสกับการเล่นเกมเป็นส่วนใหญ่
GSX 1000 นั้นเป็น Audio Amplifier ที่ทาง SENNHEISER ตั้งใจพัฒนาขึ้นมาและหวังให้เจ้า GSX 1000 เป็นส่วน สำคัญสำหรับวงการ ESport จุดเด่นของเจ้าเครื่องนี้คือ ฟังก์ชั่นที่หลากหลายทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ซึ่งแต่ละโหมดก็จะมี จุดเด่นในเรื่องเสียงที่แตกต่างกันออกไปครับ แต่เป็นที่แน่นอนครับ มันได้รับการออกแบบมาสำหรับการวงการ ESport ทั้งทีจุด เด่นที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ การสื่อสารที่แม่นยำชัดเจน การบอกชี้ตำแหน่งของวัตถุรอบตัวละครในเกมของเรา อ่านมาถึง ตรงนี้หลายคนอาจจะคิดว่า แต่ผมไม่ได้เล่นเกมเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นนะ ก็มีเล่นบ้างเล่นกับเพื่อนๆเวลาที่คิดงานไม่ออก แก้เบื่อ แก้เซ็งกันไป แต่ส่วนมากจะฟังเพลงมากกว่า มันจำเป็นสำหรับผมขนาดนั้นเลยหรอ มันมีอุปกรณ์เสริมอื่นไหมหรือ ประสิทธิภาพของเจ้า GSX 1000 เครื่องนี้มันทำให้อะไรได้บ้างในบทความเราจะได้รู้กันครับ
ก่อนที่เราจะไปถึงส่วนการใช้งานเรามาลองดูหน้าตาของเจ้า SENNHEISER GSX 1000 กันก่อนว่า หน้าตามันเป็น อย่างไร แล้วแต่ละส่วนทำหน้าที่อะไรบ้าง
ภายนอก
1.ตัวบอดี้เป็นสีดำ มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งบริเวณ บอดี้สีดำนี้ ข้างบนจะเป็น Socket สำหรับเชื่อมต่อการใช้งานจะแบ่งออกเป็น 4 Socket ด้วยกันจะมีดังต่อไปนี้
- 3.5mm Headphone socket
- 3.5mm Microphone socket
- 3.5mm. Line Out socket (Speaker socket)
- Micro USB socket (USB 2.0 Full speed & USB audio 1.0)
ในส่วนของด้านข้างก็จะมี Volume wheel chat ไว้สำหรับ ปรับเพิ่มลดเสียงพูดของเพื่อนในเกมเวลาที่เรารู้สึกว่า เสียงของเพื่อนที่พูดออกมาแล้วเราได้ยินผ่านหูฟัง หรือลำโพงมันดังเกินไป
2.หน้าจอแสดงผลเป็นแบบ Touch screen ตัวหน้าจอก็สามารถปรับตั้งค่าการใช้งานได้
- Switch between sound systems : Headset or Speaker : เป็นการสลับการใช้งานระหว่าง หูฟัง หรือ ลำโพง
- Equalizer setting : off, music, ESports, Movie : เป็นการปรับตั้งค่า Equalizer ที่ทาง SENNHEISER เข้าได้ทำมา เป็นโหมดการใช้งานมาให้ โดยจะมีมาให้ 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ โหมดฟังเพลง, ESports, และหนัง
- Surround Amplification : Front, Back or Neutral : เป็นโหมดที่เราสามารถเลือกได้ว่าเราต้องการให้เสียง ที่เรา กำลังฟังอยู่อยากจะให้มันมาจากด้านไหนมากเป็นพิเศษ จะมีให้เลือก 3 แบบด้วยกัน มีแบบอยากให้เสียงมาจากด้านหน้า, ด้านหลัง, หรือปกติ ซึ่งในส่วนนี้ผมได้ลองเล่นโดยการปรับทั้งในการเล่นเกม, ฟังเพลง, และดูหนัง ซึ่งทั้งสามอย่างให้ผลที่ ใกล้เคียงกันครับก็คือ ถ้าเป็นการเล่นเกมตัวเสียงที่เราได้ยินมันจะโฟกัสเสียงไปในอย่างที่เราตั้งค่าไว้ เช่นตั้งค่าไว้ด้านหน้า เสียงจากบริเวณด้านหน้าตัวละครเราจะได้ยินมากเป็นพิเศษ กลับกันเสียงบริเวณด้านหลังตัวละครได้ยินเบาลง เป็นต้น
- Sound mode : Stereo or 7.1 Surround Sound : โหมดนี้เราสามารถเลือกได้ว่าเราต้องการให้คุณภาพเสียงที่เรา ได้ยินเป็นแบบไหน มีอยู่ด้วยกัน 2 โหมด Stereo mode กับ 7.1 Surround Sound ซึ้งในทั้งสองโหมดนี้ ก็จะให้เสียงที่แตก ต่างกันที่เห็นได้ชัดมากที่สุดก็คือการบอกตำแหน่งของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ เสียงฝีเท้า ทั้งที่กำลังเข้ามาใกล้ตัวเรา หรือห่าง ออกไป ซึ่งส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างชอบเสียงแบบ 7.1 Surround Sound มากกว่า Stereo mode เพราะว่าเสียง 7.1 Surround Sound ให้เสียงของตำแหน่งที่แม่นยำ และมองเห็นภาพของวัตถุที่เข้ามาใกล้ตัวเราได้ง่ายมากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ แนวเกมที่เรานำไปเล่นด้วยนะครับ เพราะว่าเกมบางเกมการใช้เสียงแบบ Stereo ก็ให้เสียงที่ฟังขณะเล่นแล้วสนุกมากกว่า
- Sidetone Level : ++High, +Low or Neutral : เป็นโหมดที่ช่วยให้เราได้ยินเสียงพูดของตัวเองขณะที่เรากำลังพูด คุยกับเพื่อนภายในทีม หรือใครที่เป็นนัก Stream ตัวนี้ก็ช่วยเราได้เยอะทีเดียวนะครับ เหมือนกับเป็นการเช็คว่าเสียงของเราที่ กำลัง Stream อยู่เป็นอย่างไร โดยแบ่งออกเป็น 3 โหมดด้วยกัน คือ 1.++High ได้ยินเสียงตัวเองเกือบเท่ากับเสียงที่เพื่อน ได้ยิน, 2.+Low ลดระดับการได้ยินเสียงของตัวเองลงและได้ยินเสียงภายในเกมมากขึ้น, 3.Neutral คือ ปกติหรือก็คือไม่ได้ใช้ งานนั่นเองครับ
- Reverb (Environmental) : ++Open world, +Confined space or Neutral : โหมดนี้เป็นเหมือนกับโหมดที่ คอยช่วยให้เสียงที่เราได้ยินในเกมมีความแม่นยำมากขึ้นโหมดการใช้งานแบ่งออกเป็น 3 โหมด 1.++Open world โหมดนี้ สำหรับเกมที่มีลักษณะเกมเป็นแบบ Open world เช่น GTA, Mass Effect, และ Wild land เป็นต้น 2.+Confined space เป็นโหมดสำหรับลักษณะการเล่นแบบผ่านด่านไปเรื่อยๆ หรือ เกมในลักษณะที่มีพื้นที่กว้างแต่ไม่ถึงกับขนาด Open world 3.Neutral เป็นโหมดปกติไม่มีการเพิ่มหรือลดการระบุตำแหน่งแต่อย่างใด หรือก็คือปิดการใช้งานโหมดนี้นี่เอง
ในส่วนของการ Touch screen ทำออกมาได้ดีครับ ตอบสนองได้ทันทีที่เราสัมผัส วิธีการสลับโหมดการใช้งานก็คือ สัมผัสไปหนึ่งครั้งก็จะเปลี่ยนเป็นโหมดถัดไป ลักษณะการสับเปลี่ยนจะเป็นแบบ Loop เช่น ถ้าเราต้องการจะปรับค่า Sidetone Level จาก Neutral ให้เป็น ++High ก็สัมผัสไปที่สัญลักษณ์ Sidetone Level ด้วยกัน 2 ครั้ง หรือถ้าต้องการกลับไปที่ Neutral ก็สัมผัสที่ Sidetone Level อีกหนึ่งครั้งก็จะวนกลับไปเป็น Neutral ทันที
3.Volume Wheel สำหรับเพิ่มลดเสียงได้ทันที อันนี้ต้องบอกเลยว่าทาง SENNHEISER ได้มีการดีไซน์มาอย่างดีจริงๆ เพราะว่าถ้าเกิดเราต้องการที่จะเพิ่มลดเสียงครั้งละเยอะๆ เจ้า Volume Wheel มันจะดูจากการหมุนจำนวนรอบของเราเช่น เราเปิดระดับความดังไว้ที่ 99 เราต้องการที่จะปรับให้เหลือ 40 เราสามารถหมุนเจ้า Volume Wheel เร็วๆได้เลย ตัวเครื่อง มันจะทำการคิดว่าเราต้องการลดเสียงครั้งละเยอะๆ ส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างชอบเอามากๆ เพราะถ้าจะต้องให้มานั่งกดปุ่มแล้ว ให้ Volume ค่อยๆลด บางครั้งมันช้าไปสำหรับการเล่นเกมที่ต้องใช้ความเร็วในการเล่น หรือเกมที่เราไม่สามารถละสายตาจาก เกมมาปรับได้นั่นเอง
4.Save Setting & Load presets เจ้าเครื่องนี้เราสามารถที่บันทึกการตั้งค่าการใช้งานของเราได้ และเรายังสามารถ บันทึกการตั้งค่าได้ถึง 4 การตั้งค่าด้วยกัน เรียกได้ว่าจะเล่นเกมไหน ใช้โหมดอะไรบ่อยๆ บันทึกค่าการใช้งานไว้เปิดเครื่องครั้ง ต่อไปก็ไม่ต้องมาตั้งค่าใหม่ให้มันวุ่นวาย
|
การระบุตำแหน่งและการจำลองมิติ ผมได้ทำการทดลองกับเกม Mass Effect ที่มี ลักษณะของเกมที่ค่อนข้างหลาก หลายมีทั้งแบบ Open World และ Confined Space ผลที่ได้ นั้นเช่นเดียวกับการทดสอบการสื่อสารเลยครับ ผมทึ่งมากๆ โดยตอนที่ผมทดสอบนั้นผมได้ ตั้งค่าไว้ดังนี้ครับ
Headset : G4ME ZERO
Volume : 40
Switch between sound systems : Headset
Equalizer : ESports
Surround Amplification : Front
Sound mode : 7.1 Surround Sound
Sidetone : ++High
Reverb (Environmental) : ++Open world, +Confined space
(ผมได้สลับโหมดการใช้งานไปมาระหว่างสถานที่แตกต่างกัน)
|
“การใช้งานในด้านอื่นๆ”
นอกเหนือจากการนำไปเล่นเกมแล้ว เจ้า GSX 1000 เรายังสามารถนำไปใช้ดูหนัง หรือ ฟังเพลงได้อีกด้วยครับ โดยคาแรคเตอร์ ของเสียงที่ได้จะค่อนข้างเน้นไปที่เสียงกลางแหลม และมิติที่เปิดโล่งครับ
นำไปฟังเพลง (Music mode)
เสียงต่ำ : มวลเบสขนาดกลาง ลงได้ลึก การเก็บตัวกำลังดีสามารถฟังได้หลากหลายแนวเพลง
เสียงร้อง : เสียงร้อง เคลียร์ใส มีความนุ่มนวลของเสียง ประกายเสียงร้องกังวานไหลไปตาม ให้ความรู้สึกที่สมจริง
เสียงแหลม : ปลายแหลมชัดเจนครับ เสียงจำพวกเครื่องสายสามารถได้ยินรายละเอียดยิบย้อยได้อย่างชัดเจนครับ
เวทีเสียง : มีเวทีเสียงที่กว้าง มีการจัดวางตำแหน่งชิ้นดนตรีที่แม่นยำทั้งซ้ายและขวา
|
สรุป
เจ้า “SENNHEISER GSX 1000” เป็น Audio Amplifier ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายมากๆ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน และทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เจ้าเครื่องนี้ก็ช่วยยกระดับให้คุณภาพเสียงสูงขึ้นไปอีกขั้นจริงๆครับ
General Data
USB standard | 2.0 USB Full Speed & 1.0 USB Audio |
Total harmonic distortion | 0.005 % THD |
Cable length | 1.2 m |
Connector plugs | 3.5 mm headset socket, 3.5 mm microphone socket, 3.5 mm loudspeaker socket, mini-USB socket |
Delivery includes | GSX 1000 audio amplifier, USB cable, Quick Start Guide, Safety Guide |
Warranty | 2 years |
Supported sample rates
Main Audio | 7.1: 44.1 kHz @ 16 bit 7.1: 48.0 kHz @ 16 bit 2.0: 44.1 kHz @ 16 bit 2.0: 48.0 kHz @ 16 bit |
Main Audio HD | 2.0: 96.0 kHz @ 24 bit |
Communication Audio | 1.0: 16.0 kHz @ 16 bit |
Audio outputs
Headphone: | DC coupled and dual rail power supply |
Frequency response | 0 – 48.0 kHz |
Recommended headphone impedance | 16 – 150 Ω |
Max. output voltage | 1 V RMS @ 32 Ω |
Line out (AUX): | |
Frequency response | 1.5 – 48.0 kHz |
Max. output voltage | 1 V RMS @ 10 kΩ |
Packaging
Dimensions product | 143 x 70 x 139 mm |
packaging (W x H x D) | |
Weight of product and packaging | 390 g |
Dimension of | 378 x 284 x 156 mm |
Master carton (W x D x H) | |
Units per Master carton | 10 |
Languages | English, German, French, Spanish, Italian, Dutch and Portuguese |
0 จาก 5 ดาว
5 ดาว | % | |
4 ดาว | % | |
3 ดาว | % | |
2 ดาว | % | |
1 ดาว | % |
ยังไม่มีการรีวิวสินค้าชิ้นนี้
โดย Chaiwat Rudeeyensakul ความคิดเห็น เขียนเมื่อ 06/08/2018 เวลา 11.56 น.
โดย ความคิดเห็น เขียนเมื่อ 30/07/2018 เวลา 01.54 น.
โดย Ryan Pik ความคิดเห็น เขียนเมื่อ 08/07/2018 เวลา 00.52 น.
โดย Meow AonAon ความคิดเห็น เขียนเมื่อ 06/04/2018 เวลา 00.26 น.
-- ยังไม่มีคำตอบ --
โดย Thanakrit Chusung ความคิดเห็น เขียนเมื่อ 04/04/2018 เวลา 10.57 น.