หากพูดถึง BOSE นั้น มีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง BOSE ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สูง รวมถึงมีไลน์สินค้าที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ ทั้ง Speaker และ Headphone ครับ โดยในฝั่งของ Speaker นั้นก็มีรุ่นที่ได้รับความนิยมอยู่มากมายหลายหลาก และ สำหรับ Series ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในประเทศไทยก็คงหนีไม่พ้น “Soundlink” ซึ่งไล่มาตั้งแต่ Soundlink I, II และ III สำหรับในรุ่นเล็กอย่าง “Soundlink Mini” ที่ไม่พูดถึงก็จะกะไรอยู่ เพราะถือว่าเป็นรุ่นที่เปลี่ยนแปลงวิถีในการฟังเพลงจากลำโพงขนาดเล็กไปเลย เพราะนักฟังทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ต่างให้การยอมรับว่าเป็นลำโพงขนาดเล็กที่ให้สุ้มเสียงที่เกินตัวไปมาก รวมทั้งมีการออกแบบที่สวยงามสุด ๆ ครับ จึงทำให้กระแส Portable Speaker นั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว และ ในตอนนี้ BOSE ก็ได้เปิดตัว “BOSE Soundtouch 10” ออกมาให้แฟน ๆ ทั่วโลกได้ตื่นเต้นกันอีกครั้งครับ
โดยตัว Soundtouch 10 นั้นจะเป็นลำโพงสำหรับใช้งานภายในตัวอาคารครับ เนื่องจากต้องใช้ไฟบ้านในการให้พลังงานแก่ตัวลำโพงครับ Soundtouch 10 นั้นมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด (8.34” H x 5.56” W x 3.43” D) และ มีน้ำหนักอยู่ที่ “1.31 kg” ครับ นอกจากจะเป็นลำโพงขนาดเล็กที่มีหน้าตาที่สวยงามมาก ๆ แล้ว ยังรองรับการเชื่อมต่อที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่นักฟังมากยิ่งขึ้นครับ โดยที่รองรับการเชื่อมต่อถึง “3 แบบ” ได้แก่
- AUX-IN
- Bluetooth
- Wireless Network
ซึ่งทั้งสาม Input นั้นสามารถเลือกใช้งานได้ตามความสะดวกโดยการกดปุ่มที่ด้านบนของตัวเครื่อง หรือ จะกดที่ Remote ที่ให้มาก็ได้เช่นกันครับ แต่สำหรับ Wireless Network นั้นหลาย ๆ คนยังไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่ต้องบอกว่ามันสะดวกสบายมาก ๆ หากเราใช้งานภายในบ้านครับ Wireless Network นั้นคือการเล่นเพลงผ่าน iDevice อย่าง iPhone, iPod Touch, iPad และ Macbook ผ่าน Wi-Fi นั่นเองครับ (PC สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรม iTunes ได้) ฉะนั้นแล้วเราต้องทำการเชื่อมต่อ Wi-Fi ให้กับตัว Soundtouch 10 ก่อน ซึ่งสามารถทำได้ 2 ช่องทางคือ ตั้งค่าผ่าน iDevice และ Computer (วิธีการเชื่อมต่อสามารถดูได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=3UqKeGndC8Y) ครับ และ หลังจากที่ทำการเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้วกาจะสามารถควมคุมการเล่นเพลง จัด Playlist หรือ ฟัง Internet Radio ได้ทันทีครับ ที่สำคัญยังรองรับ “Spotify, iHeart Radio, Pandora, iTunes, Deezer, SiriusXM” โดยที่สามารถ Memory ช่อง หรือ Playlist ที่ต้องการเอาไว้ได้ถึง “6 ช่อง” ทีเดียวครับ ประโยขน์ของ Wireless Network นั้นก็คือสามารถส่งสัญญาณได้ไกล โดยไม่จำเป็นที่จะต้องวาง Source เอาไว้ใกล้ ๆ กับตัวลำโพง เราจะอยู่มุมใดของบ้านก็สามารถกดเล่นเพลงได้อย่างสะดวกครับ และ Wireless
Network นั้นก็ยังรองรับไฟล์เพลงได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น “MP3, WMA, AAC, FLAC และ Apple Lossless” ครับ
ในส่วนของโทนเสียงนั้น BOSE Soundtouch 10 ให้เสียงในย่านต่ำได้อย่างยอดเยี่ยม เบสนั้นมาเป็นลูก ๆ ให้เนื้อเสียงที่พอดี ไม่หนาจนเกินไป สามารถลากเสียงลงได้ลึกโดยที่ยังคงเก็บตัวได้ดี ไม่ยืดยาน ย่านเสียงกลางให้เสียงที่สมูท ลื่นไหล ตามสไตล์ของ BOSE เช่นเคย อีกทั้งยังมีอิมเมจของเสียงร้องที่ใหญ่ น้ำเสียงมีความเป็นธรรมชาติ สามารถเก็บรายละเอียดของเสียงร้องได้อย่างครบครัน ทั้งการไต่ระดับของเสียง ไปจนถึงลูกคอที่มีมาให้ได้ยินอย่างชัดเจนครับ ด้านการวางตำแหน่งของชิ้นดนตรีนั้นทำได้ดีทีเดียวไม่ทับซ้อนกัน และ ยังวางระยะห่างของเครื่องดนตรีในแต่ละชิ้นได้อย่างพอเหมาะ ในย่านเสียงกลางแหลมนั้นให้เสียงที่เนียน ขอบเสียงนั้นไม่บาดหูแม้แต่น้อยซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของ BOSE เลยล่ะครับ ทำให้ได้เสียงโดยรวมที่ฟังสบายมาก ๆ ซึ่งหากใครที่ชอบฟังเพลงชิว ๆ อย่าง Acoustic, Jazz, Classic หรือ Pop แล้วล่ะก็ BOSE Soundtouch 10 สามารถตอบโจทย์แนวเพลงเหล่าได้อย่างยอดเยี่ยมครับ โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นลำโพงอีกรุ่นหนึ่งที่มีอนาคตไกลแน่นอน ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม ทันสมัย และ ยังสามารถรองรับการใช้งานทั้งแบบต่อสาย และ ไร้สายผ่านทาง Bluetooth กับ Wireless Network ได้ จึงทำให้ Soundtouch 10 กลายเป็นลำโพงที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบายทีเดียวครับ โดยจะมีสีให้เลือกทั้งหมด “2 สี” ได้แก่ Black และ White ซึ่งต้องบอกว่าตัวจริงนั้นสวยทั้งสองสีเลยล่ะครับ
อุปกรณ์ภายในกล่อง
ข้อมูลจำเพาะ
Dimensions/weight
Speaker:8.34" H x 5.56" W x 3.43" D (2.89 lbs)
Remote:4.5" H x 1.75" W x 0.5" D (1.76 oz)
Inputs/outputs
AUX input
USB ports
In the box
SoundTouch® 10 wireless music system
Power cable
USB cable
Remote control
Additional details
Built-in Wi-Fi® and Bluetooth
Wireless network compatibility: 802.11 b/g/n
Supported audio formats: MP3, WMA, AAC, FLAC, Apple Lossless