สำหรับลำโพง Devialet Phantom II นั้นเป็นการเปลี่ยนชื่อสินค้ามาจากรุ่น Phantom Reactor โดยสเปคภายในนั้นจะเหมือนกันไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โดยหลังจากการอัพเดท Firmware ตัวลำโพงจะเปลี่ยนชื่อในระบบเป็น Phantom II ครับ

ลำโพง Devialet Phantom Reactor

นั้นเป็นลำโพงรุ่นล่าสุดจากทาง Devialet ที่สานต่อความสำเร็จจากรุ่น Phantom เดิมครับ ซึ่งในรุ่น Reactor นั้นจะถูกวางให้มีราคาที่ถูกกว่ารุ่นใหญ่นั่นเอง

แต่ก่อนที่จะทำการแนะนำลำโพงรุ่นล่าสุดนั้น เรามาดูประวัติความเป็นมาของ Devialet กันก่อนดีกว่าครับ

ในช่วงปี 2000 Pierre-Emmanuel Calmel ในขณะนั้นได้ทำงานอยู่ที่ศูนย์วิจัยของ Nortel เขาได้ใช้เวลาว่างในการสร้างแอมป์ที่ผสมผสานระหว่างแอมป์ชนิดดิจิตอลและอนาล็อกเพื่อที่จะชดเชยข้อเสียของทั้งสองประเภท โดยแอมป์ชนิดอนาล็อกนั้นให้สียงที่เที่ยงตรง แต่ก็ใช้พลังงานเยอะ ส่วนแอมป์ชนิดดิจิตอลก็มีขนาดเล็ก แต่คุณภาพเสียงไม่ค่อยดี

ต่อมาในปี 2004 Pierre-Emmanuel Calmel ก็ได้คิดค้นเทคโนโลยีต้นแบบที่ทำให้ตัวแอมป์นั้นสามารถทำงานได้แบบไฮบริด โดยประกอบไปด้วยโมดูลอนาล็อกที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณที่เที่ยงตรง และโมดูลดิจิตอลที่ให้กำลังขับที่สูง

เทคโนโลยีนี้เป็นการรวมข้อดีของทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน และให้ประสิทธิภาพด้านเสียงและการใช้พลังงานที่เยี่ยมยอด ตัวเขาได้ลาออกจากบริษัทในปีเดียวกัน และได้ยื่นจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีนี้ จากนั้นเขาก็ได้เข้าร่วมทีมกับ Mathias Moronvalle ตำแหน่งวิศวกร, Emmanuel Nardin นักออกแบบ, Quentin Sannié นักลงทุน, และ Manuel De La Fuente นักการตลาด เพื่อพัฒนาสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีที่ตัวเขาคิดค้นขึ้น

โปรเจค Phantom นั้นมีจุดเริ่มต้นจากการที่ทางบริษัทต้องการสร้างลำโพงที่มีขนาดกะทัดรัด แต่ต้องจัดว่ามีคุณภาพเสียงที่ใหญ่ไม่ต่างกับลำโพงตั้งพื้น โดยบริษัทได้นำเสนอโครงการนี้ให้แก่นักลงทุนหลายรายอย่าง Bernard Arnault , Jacques-Antoine Granjon , Xavier Niel และ Marc Simoncini ซึ่งสามารถระดมทุนได้สูงถึง 15 ล้านยูโร

ลำโพง Phantom นั้นใช้เวลาในการคิดค้นและพัฒนายาวนานถึง 3 ปี โดยภายในนั้นประกอบไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆที่ทาง Devialet คิดค้นและจดสิทธิบัตรเอาไว้ถึง 88 รายการ เทคโนโลยี ADH (Analog Digital Hybrid) Intelligence® นั้นถูกบรรจุลงไปในชิปขนาด 1 ตารางเซนติเมตรเท่านั้น และลำโพง Phantom ก็ได้เปิดตัวแบบ press release เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2014

ตัวลำโพง Devialet Phantom นั้นได้ทำการออกแบบตัวลำโพงออกมาทั้งหมด "3 รุ่น" ได้แก่ White Phantom, Silver Phantom ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2015 และ ตามมาด้วย Gold Phantom ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2016 นั่นเอง โดยตัวลำโพงนั้นได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงาม ในรูปทรงเหมือนแคปซูลที่ดูล้ำสมัย วัสดุที่นำมาใช้นั้นเป็นเกรดพรีเมี่ยมทั้งหมด ซึ่งพื้นผิวสัมผัสภายนอกนั้นใช้เป็น ABS (ACRYLONITRILE BUTADIENE STYRENE) และภายในนั้นจะเสริมด้วย Polycarbonate กับ แกนกลางแบบ Stainless Steel ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวลำโพง PHANTOM ทั้ง 3 รุ่นครับ ซึ่งตัวลำโพงนั้นจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 12 กิโลกรัม ซึ่งทำให้เวลาฟังเพลงที่มีเบสที่กระแทกกระทั้นนั้นตัวลำโพงก็จะไม่สั่นไหวไปตามแรงปะทะให้เกิดเสียงที่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย

เล่าความหลังกันแบบพอสังเขปแล้วครับ ต่อไปจะเป็นพระเอกของเรานั่นคือ

สำหรับ Devialet Phantom Reactor นั้นจะมีการออกแบบให้ดูคล้ายกับรุ่นพี่อย่าง Phantom แต่มีขนาดที่เล็กลง เหลือเพียง 6.1 X 8.5 X 6.6 นิ้ว (กxยxส) เท่านั้นครับ แต่กลับมีน้ำหนักมากถึง 4.3 กิโลกรัม จากการเลือกใช้อลูมิเนียมที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทาน ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี ตัวเครื่องเลือกใช้สีขาวเงา ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับรุ่น Phantom ครับ

ที่ด้านหลังจะมีครีบระบายความร้อน โดยจะเป็นสีขาวแบบด้าน มีลักษณะหยาบ ซึ่งช่วยเพิ่มความแตกต่างให้กับตัวเครื่องที่มันเงา

ที่ด้านบนจะมีปุ่มแบบสัมผัสทั้งหมด 5 ปุ่มด้วยกันได้แก่ ปุ่ม Pair Bluetooth, ปุ่มเพิ่ม - ลดระดับเสียง, ปุ่มเล่น - หยุดเพลง, และปุ่ม Link สำหรับตั้งค่าลำโพงโดยผ่านแอป Devialet นั่นเอง

ส่วนด้านหลังนั้นก็ประกอบไปด้วยช่องเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งช่องสำหรับเสียบสายไฟ ช่องเสียบสาย Lan สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย (หรือจะเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ก็ได้)

ในส่วนของการใช้งานนั้น Devialet Phantom Reactor นั้นรองรับการใช้งานทั้งแบบเสียบสายและไร้สายครับ สำหรับการเชื่อมต่อแบบเสียบสายนั้นรองรับทั้งแบบ AUX 3.5mm-optical (ใช้ช่องเดียวกัน), และ RJ45 สำหรับเชื่อมต่อเข้า LAN นั่นเอง ส่วนการเชื่อมต่อแบบไร้สาย รองรับทั้ง Bluetooth, และ Wi-Fi ครับ ซึ่งการเชื่อมต่อผ่านทาง Wi-Fi นั้นจะรองรับการเชื่อมต่อผ่านระบบ AirPlay, Spotify Connect, UPnP ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ตามอุปกรณ์ที่รองรับ สามารถเล่นไฟล์ความละเอียดสูงสุด 24/192kHz เลยทีเดียว (สำหรับการเชื่อมต่อผ่านทาง optical จะรองรับความละเอียดสูงสุด 24/96kHz เท่านั้น)

สำหรับการควบคุมนั้น ผู้ใช้งานสามารถควบคุมผ่านทางปุ่มสัมผัสบนตัวลำโพง Phantom Reactor โดยจะเป็นการควบคุมพื้นฐาน เช่นการจับคู่ Bluetooth, เพิ่ม-ลดเสียง, เล่น-หยุดเพลง เป็นต้นครับ แต่ถ้าหากต้องการใช้งานและควบคุมแบบเต็มรูปแบบ สามารถทำได้ผ่านแอป Devialet ซึ่งเป็นแอปแยกต่างหากจากรุ่นใหญ่ที่ใช้ชื่อแอปว่า Devialet Phantom Remote ครับ โดยสามารถสั่งสตรีมเพลงจากในแอปได้เลย, รองรับระบบ multi room และนอกจากนี้ตัวแอปยังทำหน้าที่ในการอัปเดท Firmware ใหม่อีกด้วยครับ

โดยสำหรับ Devialet Phantom Reactor นั้นจะรองรับในการใช้งานรูปแบบ stereo โดยต้องใช้ Phantom Reactor จำนวนสองตัว โดยจะสามารถใช้งานได้ผ่านการอัปเดท Firmware ภายหลัง

สำหรับลำโพง Devialet Phantom Reactor นั้นจะมีรุ่นย่อยอีก 2 รุ่นด้วยกัน ซึ่งจะมีกำลังขับอบู่ที่ 600 และ 900 วัตต์ให้เลือกใช้งาน โดยรูปร่างหน้าตาของทั้งสองรุ่นนั้นจะเหมือนกัน

เทคโนโลยีใน Phantom Reactor

ถึงแม้ลำโพง Devialet Phantom Reactor นั้นจะมีขนาดที่เล็กกว่าลำโพง Phantom รุ่นอื่นๆ แต่ภายในนั้นยังคงอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีจากทาง Devialet ไม่แพ้กันเล

ADH® Analog Digital Hybrid

เทคโนโลยีที่เป็นการรวมข้อดีของทั้งแอมป์ชนิด analog และ digital เข้าด้วยกัน ซึ่งจะได้กำลังขับในระดับของแอมป์ Class A แต่จะมาในขนาดที่เล็กและกินกำลังไฟน้อยในรูปแบบของแอมป์ Class D นั่นเอง ทำให้ลำโพง Phantom Reactor นั้นมีขนาดที่เล็กกะทัดรัด แต่มีกำลังขับที่สูงนั่นเอง

SAM® Speaker Active Matching

เทคโนโลยีที่ทำให้ลำโพง Phantom สามารถให้เสียงที่ตรงกับต้นฉบับ โดยทำการวิเคราะห์ลักษณะเสียงต้นฉบับและทำการเลียนแบบการเคลื่อนที่ของอากาศขณะบันทึกเสียง ทำให้เสียงที่ได้นั้นใกล้เคียงกับต้นฉบับ

HBI® Heart Bass Implosion

เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ของ Devialet นั้นเองครับ ซึ่งจะเป็นส่วนที่ทำหน้าที่กระจายเสียงต่ำของลำโพง โดยสามารถลงได้ลึกสุดๆ ด้วยเทคนิคการผลักดันอากาศที่สามารถทำได้มหาศาล Woofer แต่ละตัวนั้นรองรับมวลได้สูงสุด 30 กิโลกรัม ให้ความถี่ย่านต่ำได้ลึกถึง 14 Hz ต่ำกว่าที่มนุษย์จะสามารถได้ยิน

ACE™ Active Cospherical Engine

เทคโนโลยีที่เกิดจากการออกแบบให้ลำโพง Devialet Phantom นั้นสามารถใช้งานได้ทุกส่วนของในบ้าน โดยตัวลำโพงจะทำการกระจายเสียงแบบรอบทิศทาง สามารถตั้งใช้งานกลางห้อง, มุมห้อง, หรือจะแขวนผนังก็ได้

EVO Platform

สำหรับ EVO Platform ก็คือระบบอัปเดทลำโพงเพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆเข้าไปอยู่เสมอครับ โดยผู้ใช้งานสามารถทำการอัปเดทผ่านทางแอป Devialet นั่นเอง ช่วยให้ลำโพงของเราทันวมัยอยู่ตลอดเวลา

สำหรับ Devialet Phantom Reactor นั้นถึงจะมีขนาดเล็ก แต่ด้วยการออกแบบและเทคโนโลยีเฉพาะตัว ทำให้ตัวลำโพงมีกำลังขับสูงถึง 900 วัตต์เลยทีเดียวครับ

เสียงเบส - เบสของ Phantom Reactor นั้นลงได้ลึกและให้รายละเอียดที่สูงมากๆครับ ด้วยเทคโนโลยี HBI ซึ่งไม่เพียงให้เสียงเบสเพียงอย่างเดียว แต่สามารถสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนของอากาศที่ส่งออกมาเลยทีเดียว

เสียงร้อง - เสียงร้องใส โปร่ง มีความชัดถ้อยชัดคำ ติดคัลเลอร์น้อยมากๆ รายละเอียดเอียดชัดเจน ให้ความรู้สึกผ่อนคลายไม่รุกเร้า ตำแหน่งนักร้องถอยห่างออกจากตัวผู้ฟัง ให้มิติเสียงที่โอบล้อม ฟังสบาย ไม่รุกเร้าจนเกินไป

เสียงแหลม - ปลายแหลมชัด ทอดตัวไปได้ไกลมากๆจนสุดเสียง หัวโน๊ตคมเป็นประกาย ชัดใสมากๆ ไม่มีอาการแตกฝอยแม้แต่น้อย เครื่องสายอย่างไวโอลินสามารถสื่ออารมณ์ออกมาได้อย่างเต็มที่เต็มอารมณ์

เวทีเสียง - เวทีเสียงขนาดใหญ่มาก ให้มิติเสียงที่โอบล้อม มีความเป็นสามมิติสูง โดยเครื่องดนตรีต่างถูกจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ไม่ซ้อนทับกัน แจกแจงชิ้นดนตรีออกมาได้อย่างน่าฟัง ตัวนักร้อง จะอยู่ใกล้เข้ามา โดยสามารถแยกชั้นได้อย่างชัดเจน

Devialet Phantom Reactor เหมาะกับการใช้งานแบบใด?

สำหรับ Devialet Phantom Reactor นั้นเรียกได้ว่าเป็นลำโพงย่อส่วนจากรุ่น Phantom นั่นเองครับ โดยมีกำลังขับที่ลดทอนลงมา เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลางครับ โดยมีการออกแบบที่เรียบง่าย แต่ดูสวยงาม ทันสมัย ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในทุกๆสไตล์ห้องเลยครับ


อุปกรณ์ภายในกล่อง

คะแนนรีวิว

0 / 5

คะแนน

(ทั้งหมด 0 รายการ)
(0)
(0)
(0)
(0)
(0)

รีวิวจากลูกค้า

เรียงจาก

ถาม - ตอบทีมงาน



สินค้าใกล้เคียง